เท้าบวมเบาหวาน หรือการบวมส่วนปลาย (Peripheral edema) ในโรคเบาหวาน เกิดจากสาเหตุอะไร? อาการที่พบได้เป็นอย่างไร? เท้าบวมเบาหวานรักษาได้ไหม วิธีใดบ้าง?
เท้า กับโรค เบาหวาน ดูแลอย่างไรให้ สุขภาพเท้า ดี 1. ตรวจสภาพเท้าทุกวัน สังเกตว่าเท้ามีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ เช่น เป็นแผล พุพอง รอยบวมแดง ผื่นคัน ตุ่มน้ำใส ขุยขาวที่ซอกนิ้วเท้า ตาปลา สีเล็บเปลี่ยน เล็บขบ ฯลฯ รวมทั้งตรวจดูว่ามีอาการปวดหรือไม่ โดยดูให้ทั่วทั้งฝ่าเท้า ส้นเท้า โดยเฉพาะซอกระหว่างนิ้วและรอบเล็บเท้าที่เป็นจุดอับที่มักมองข้ามได้ง่าย ถ้ามองไม่เห็นอาจใช้กระจกส่องหรือให้ญาติตรวจดูให้ หากพบความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ 2. ทำความสะอาดเท้าทุกวัน ล้างเท้าให้สะอาดทุกวันด้วยสบู่และน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ไม่ใช้น้ำเย็นจัดหรือร้อน ควรใช้ข้อศอกตรวจระดับความร้อนของน้ำก่อนทุกครั้ง อุณหภูมิที่ปลอดภัย คือ ไม่เกิน 35 องศาเซลเซียส และไม่ควรใช้แปรงขัดเท้า หลังทำความสะอาดซับเท้าให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาดและนุ่ม เช่น ผ้าขนหนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณซอกนิ้วเท้า ใช้ผ้าค่อย ๆ ซับ อย่าถูไปมาแรง ๆ อาจทำให้เป็นแผลได้ อาจให้ลมเป่าให้แห้งสนิทอีกครั้งเพื่อป้องกันการอับชื้นซึ่งทำให้เกิดแผลง่าย *ห้ามใช้แอลกอฮอล์เช็ดเท้าเพราะจะทำให้ผิวแห้งแตก* *ห้ามใช้ลมร้อนเป่า เพราะนอกจากจะทำให้ผิวแห้งแตกได้ง่ายแล้ว ความร้อนยังอาจทำให้เกิดแผลพองได้อีกด้วย* 3.
แต่จริงๆ แล้วนั้น ภาวะนี้มีอาการได้หลากหลายมาก ตั้งแต่เป็นเส้นเลือดฝอยขนาดเล็ก สีแดง ม่วงเขียว จนเป็นเส้นเลือดดำขอดขนาดใหญ่ หรือ ในบางราย อาจจะไม่มีเส้นเลือดขอดให้เราเห็น แต่อาจจะมีเส้นเลือดดำขอดอยู่ด้านใน ทำให้มีอาการขาบวม เป็นผื่นคันอักเสบที่ขา. มีสีดำคล้ำมากขึ้นได้ ถ้ามีอาการมากๆ ไม่ได้รักษา อาจจะแตกเป็นแผล และ มีโอกาสติดเชื้อได้ เท้าบวมในภาวะนี้ อาจจะเป็นขาเดียวหรือ สองขา มักจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น รู้สึกขาหนักๆ เป็นตะคริว อาการบวมมากขึ้น หาก ยืน หรือ นั่ง เป็นเวลานานๆ ถ้ายกขาสูงกว่าระดับหัวใจ อาการจะทุเลาลง.
ควรตัดเล็บทุกสัปดาห์ ปกติเล็บคนเราจะงอกประมาณ 0. 1- 0. 2 มม. ต่อวัน การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดเล็บขบหรือเล็บผิดรูปและเกิดการติดเชื้อตามมา ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรตัดเล็บเป็นประจำทุกสัปดาห์ ถ้าเล็บหนาตัดเองไม่ได้ควรให้ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเท้าตัดเล็บให้ ควรตัดเล็บตามแนวขอบเล็บเท่านั้น แล้วใช้ตะไบขัดเพื่อลบรอยคมและป้องกันการเกิดเล็บขบ ต้องตัดเล็บในที่สว่างเห็นได้ชัดเจน ควรตัดเล็บภายหลังอาบน้ำ เพราะเล็บจะนุ่มตัดง่ายขึ้น ห้ามตัดเล็บลึกถึงจมูกเล็บ ถ้ามีผิวหนังที่หนาหรือตาปลาไม่ควรตัดเอง ควรได้รับการตัดให้บางทุก 6-8 สัปดาห์โดยผู้ชำนาญ 6.
อาการแบบไหน…ข้อเท้าหลวม 1. ปวดข้อเท้าเป็นประจำ 2. ข้อเท้าบวมง่าย 3. เสียการทรงตัวง่ายเมื่อต้องเดินแบบเร่งรีบหรือเดินบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ 4. ข้อเท้าพลิกบ่อยเมื่อต้องวิ่ง เล่นกีฬาที่ต้องเปลี่ยนทิศทางแบบกะทันหัน หรือแม้แต่การเดินบนพื้นต่างระดับ หากข้อเท้าพลิกบ่อยหรือข้อเท้าหลวม ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรักษาและป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงกว่าเดิม โดยแพทย์จะให้เริ่มทำกายภาพบำบัด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเส้นเอ็นรอบข้อเท้าและฝึกการทรงตัวของข้อเท้า พร้อมกับใช้อุปกรณ์เสริมพยุงข้อเท้า แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นใน 3 – 6 เดือน แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดเย็บซ่อมเส้นเอ็น เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานข้อเท้าได้ตามปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด
Ben And Jerrys สาขา, 2024